![]() | |
ถลุงเหล็ก การสกัดหรือถลุงโลหะให้บริสุทธิ์นั้น ขั้นแรกก็ต้องแยกก้อนแร่ออกจากดินและหินที่ติดมา โลหะที่ต่างกันใช้วิธีแยกต่างกัน วิธีหนึ่งนั้น เล่ากันว่าภรรยาของคนงานเหมืองตะกั่วเป็นผู้ค้นพบ คือขณะซักเสื้อผ้าของสามี เธอก็พบว่ามีเศษตะกั่วชิ้นเล็กๆ ติดอยู่ที่ฟองสบู่ ปัจจุบันนี้เหมืองตะกั่วและเหมืองทองแดงจะใส่แร่ลงไปในของเหลวที่ตีจนเป็นฟองฟอด ของเหลวนี้ผสมสารเคมีที่เรียกว่า ตัวรวบรวม (collector) เอาไว้ ซึ่งทำให้เศษแร่ชิ้นเล็กๆ เกาะกับฟองอากาศที่ลอยอยู่ส่วนสิ่งอื่นๆ ที่ติดมาจะเปียกน้ำและจมลงจากนั้นเขาก็ช้อนแร่ออกจากฟอง แล้วนำไปตากให้แห้ง การสกัดโลหะบริสุทธิ์ออกจากแร่นั้นมักอาศัยความร้อน กระบวนการนี้เรียกว่าการถลุงแร่ (smelting) มนุษย์ยุคแรกๆ พบว่าเมื่อเผาแร่ในกองไฟที่ใช้ถ่านไม้จะได้ก้อนโลหะพรุนๆ ซึ่งเขาจะนำมาตีเป็นอาวุธ เครื่องมือเครื่องใช้ ฯลฯ ชาวอียิปต์โบราณก็ถลุงแร่ทองแดงด้วยวิธีนี้ต่อมามนุษย์ใช้วิธีนี้ผลิตโลหะที่มีประโยชน์เหนือกว่าคือเหล็ก ที่อังกฤษในยุคกลางมีผู้ค้นพบว่าถ้าใช้เครื่องหีบลม พ่นลมเข้าไปในเตาเผาโลหะไฟจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น ทำให้โลหะหลอมเหลวจนเอาไปหล่อในแบบพิมพ์ได้ แร่เหล็กมีชื่อทางเคมีว่าเหล็กออกไซด์ เพราะตามสภาพธรรมชาติเหล็กจะรวมอยู่กับออกซิเจนครั้นเมื่อนำมาถลุง เหล็กออกไซด์ก็จะทำปฏิกิริยากับถ่านไม้ (คาร์บอน) อะตอมของออกซิเจนจะหลุดจากเหล็กไปรวมกับคาร์บอน เกิดเป็นแก๊สคาร์บอนออกไซด์ แก๊สนี้จะหลุดหนีออกไป เหลือเพียงโลหะเหล็ก ปัจจุบันนี้เขาใช้ถ่านโค้กแทนถ่านไม้และใช้เตาถลุงขนาดมหึมา ผลิตเหล็กได้วันละหลายพันตัน เหล็กที่ได้นี้เรียกว่า เหล็กถลุง (pig iron) ซึ่งมีคาร์บอนมากเกินไปเปราะพรุน ไม่เหมาะจะนำมาใช้ประโยชน์ เขาจึงต้องทำให้เป็นเหล็กกล้าโดยการเอาคาร์บอนออก หรือนำไปผสมให้เป็น เหล็กหล่อ (cast iron) สำหรับ เหล็กกล้า (stell) นั้น นับว่าเป็นเหล็กชนิดที่สำคัญที่สุด
เตาถลุงแบบพ่นลม ทำให้แร่เหล็กกลายเป็นโลหะเหล็ก โดยการทำปฏิกิริยากับถ่านโค้กและหินปูนด้วยอุณหภูมิ 1,600 ซ. แล้วนำเหล็กที่หลอมละลายมาหล่อเป็นแท่งเรียกว่าเหล็กถลุง | |
หน้าที่ 1 2 3 | |
นำมาจาก รู้รอบตอบได้ ของรีดเดอร์ส ไดเจสท์ |