ผมเรียนว่า ต้องขอโทษด้วยครับ เพราะตามความเห็นส่วนตัว ผมไม่ค่อยเชื่อ 100% เต็มเท่าไร ที่ว่ามกุฎราชกุมารทิพอินทราคือฆาตกร ถึงจะเขียนแย้งไปก็ไร้หลักฐาน

ใช่ว่านิติภูมิของท่านผู้อ่านเกิดอาการขี้เกียจ แต่เพราะอยากจะฟังคณะกรรมการสอบสวนคดีนี้ก่อน ว่าจะแถลงอย่างไร อย่างหนึ่งซึ่งอยากจะเรียนก็คือ ประวัติศาสตร์เป็นของผู้ชนะ ไม่ว่าประเทศไหนๆ ในทวีปใดๆ ผู้ชนะจะเป็นผู้บริสุทธิ์เสมอ

มองในฐานะคนที่จบหลักสูตรผู้นำหน่วย เคยผ่านทั้งหลักสูตรรบในแบบรบนอกแบบ ฯลฯ เคยเป็นตำรวจ ตระเวนชายแดน เคยใช้อาวุธมามากมายหลายชนิด และที่สำคัญที่สุดก็คือ เคยเมา ทั้งเมาน้อย เมามาก เมาขนาดสุนัขไม่รับประทาน เป็นไปไม่ได้ที่คนซึ่งเมาอย่างหนักจะถือปืน ได้หลายกระบอก แต่ละกระบอกหนักๆ แถมยังมีแรงไปฆาตกรรมปลงพระชนม์หมู่พระบรม วงศานุวงศ์ ของตัวได้อย่าง เลือดเย็น

ที่น่าสนใจสงสัย ทำไมจึงต้องรีบถวายพระเพลิงพระศพของมกุฎราชกุมารทิพอินทราในช่วงเวลาเคอร์ฟิว? ในห้วงช่วงนั้นน่ะ มีการห้ามผู้คนออกนอกเคหสถาน มีข่าวว่าพระองค์ถูกยิงจากทางด้านหลังด้วย อันนี้ซิครับน่าสงสัย เพราะคนฆ่าตัวตายกระสุนจะเจาะทะลุทางด้านหลังได้อย่างไร?

ที่นิติภูมิยังไม่ได้เขียนรับใช้เพราะยังไม่ได้รับความจริง อยากจะเรียนว่า ผมไม่ค่อยเชื่อนํ้ายาของ ร้อยเอกนายแพทย์ราชีพ ราช ชาอี ที่เป็นพระชามาดาของเจ้าชายธิเรนทรานักหรอก ผู้อ่านท่านฟังนาย คนนี้ออกมาออกโรงเปิดโปงเหตุการณ์ปลงพระชนม์หมู่ จากสามัญสำนึกฟังดู ก็รู้ว่าทะแม่งๆ ๆ

จากความคิดกิ๊กก๊อกของคนที่สนใจความเป็นไปในประวัติศาสตร์ และไม่ยอมอ่านประวัติศาสตร์ จากชาติเดียว ที่เขียนโดยผู้ชนะหรือจากคนที่ครองอำนาจในชาตินั้นๆ ผมคิดว่า สิ่งที่ปรากฏเกิดขึ้น ในพระราชวังนารายัน หิติ ในกรุงกาฐมาณฑุ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนนั้น น่าจะเป็นแผนการอันแยบยล ที่จะปล้นพระราชบัลลังก์ล้มล้างราชวงศ์สหเทพมากกว่า

ขณะนี้อำนาจของประเทศอยู่ในมือของกษัตริย์คเยนทราและเจ้าชายภาราส ชาห์ ซึ่งเป็นพระโอรสเพียงองค์เดียวของกษัตริย์ ปัจจุบัน 2 พ่อลูกทั้งพระบิดาพระโอรสเป็นผู้ได้รับ ประโยชน์เต็มๆ จากการจากไปของราชวงศ์ทั้ง 10 พระองค์

ผู้อ่านท่านอย่าเพิ่งตำหนินิติภูมิที่ไม่ได้วิเคราะห์เหตุการณ์สำคัญในกรุงกาฐมาณฑุเลยครับ ถ้าจะให้ไล่แปลข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศ โดยที่ยังไม่มีหลักฐาน ก็คิดว่าจะไม่ทำ

อย่างหนึ่งซึ่งผมอาจจะกล้าเขียนก็คือว่า ถ้าหากเจ้าชายทิพอินทราไม่เมาน้ำจัณฑ์ ขนาดต้องหามกลับ ไปส่งที่พัก ก็อาจจะเชื่อได้บ้างว่า พระองค์ทรงปลงพระชนม์หมู่จริงๆ เพราะพฤติกรรมผิดปกติของมนุษย์ ที่จะฆ่าคนได้ (แต่ต้องเป็นในยามไม่เมา) ก็อาจจะมาจากบาดแผลทางใจในวัยเด็ก ที่เคยเกิดขึ้นและติดตัวไปตลอดชีวิต

ในกรณีของเจ้าชายทิพอินทรา ก็อาจจะมาจากการถูกตามพระทัยมากจนเกินไป จนเป็นคนเห็นแก่ตัว เจ้าอารมณ์ ถือตนเองเป็นใหญ่ แต่ในกรณีนี้เท่าที่เห็นและสังเกตมาก็มักจะแสดงอารมณ์และโต้ตอบทันที ดูจากที่หลายชั่วโมงก่อนหน้าเหตุเกิด เจ้าชายทิพอินทรายังยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ได้มีเหตุจูงใจให้ไปลากปืน มาฆ่าผู้คน

อันที่จริงแล้วการดื่มเหล้าจนเมามาย ไม่ได้ทำให้เกิดกลุ่มอาการทางสมอง ดื่มมากๆ เมาบ่อยๆ ก็เพียงแต่ก่อให้เกิดบุคลิกภาพผิดปกติ ที่เราเรียกว่าพอซะแนลลีที ดิสออร์เดอร์ เท่านั้น

ถ้าเจ้าชายทิพอินทราไม่เมามาก ก็เป็นไปได้ที่พระองค์อาจจะมีแรงไปลากปืนมายิงผู้คน แต่แรงคนไม่เมา คนเดียว ก็ใช้ได้แค่ปืนกลเบา ปืนกลมือ ปืนพก ปืนพกสั้นอัตโนมัติ อะไรพวกนี้ เป็นไปได้ครับ คนที่มีบุคลิกภาพแบบก้าวร้าว ที่ในยามปกติก็ดูเป็นคนธรรมดา พูดจาสุภาพเรียบร้อย ไปที่ไหนก็ได้รับคำชมเพราะปรับตัวได้ดี

แต่ในภาวะบีบคั้น ก็จะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ อาจจะทำร้ายร่างกาย ทรัพย์สินหรือแม้แต่ชีวิต บุคลิกภาพอาจจะเปลี่ยนไป กลายเป็นคนหุนหันพลันแล่น ระบายอารมณ์โกรธออกมารุนแรงกว่าที่ควรจะเป็น

คนที่เคยมีทั้งผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชามาหลายหน่วย หลายกองอย่างนิติภูมินี่ก็เคยเจอ อารมณ์ของคนเหล่านั้นจะโหดเหี้ยมป่าเถื่อนดุดันทั้งทางกายและวาจา กว่าจะรู้สึกตัวและสำนึกก็เมื่อ ทุกสิ่งทุกอย่างสายไปซะแล้ว

แต่อารมณ์อย่างนี้ไม่เคยมีในยามที่เมามายขนาดหนัก

ผมจึงไม่เชื่อว่า คนที่เมาขนาดต้องใช้คนหาม จะมีกำลังวังชากลับมาฆ่ามนุษย์ตายถึง 10 คน ข้อแรกคือ แรงไม่มี ข้อที่สองคือ รัวเพียงคนสองคนแรก คนที่สามสี่ห้าก็หนีตายไม่อยู่ให้เป็น เป้าดอกหรอกครับ

นี่คือเหตุผลที่ผ่านมา ผมไม่ได้รับใช้ท่านในเรื่องนี้

เพราะไม่เชื่อครับ !.